วิธีทำเม็ดไข่มุก

หนึ่งในองค์ประกอบแสนอร่อยของเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่าง “ชานมไข่มุก” นั้นก็คือ “ไข่มุก” นั้นเองอย่างไรหล่ะครับ วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปทำความรู้จักกับเกี่ยวกับไข่มุก พร้อมบอกวิธีการทำแบบง่ายๆ ให้กับทุกๆ ท่านด้วยครับจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผ๊มม!!!

ไข่มุกในชานมเป็นอย่างไร?

ไข่มุกหรือทาปิโอกา (tapioca) มีที่มาจากคำว่า “tipi’óka” ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมือง Tupi-Guarani ในประเทศแถบอเมริกาใต้ มีความหมายว่า การตกตะกอน ซึ่งการตกตะกอนนี้เกิดขึ้นในกระบวนการแปรรูปมันสำปะหลัง โดยเจ้าก้อนทาปิโอกานี้มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ และมันก็คือเม็ดไข่มุกที่เรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง ไข่มุกเกิดจากกระบวนการแปรรูปมันสำปะหลังโดยการนำแป้งมันสำปะหลังมาทำให้ร้อน เคี่ยวกับน้ำตาลและน้ำในหม้อเล็ก ๆ จากนั้นหั่นแป้งที่เคี่ยวเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ ออกมาเป็นไข่มุกมันสำปะหลัง นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนสีและรสสัมผัสของไข่มุกได้โดยการเติมน้ำ น้ำตาล หรือสีผสมอาหารต่าง ๆ อีกด้วย

วิธีทำเม็ดไข่มุก

ส่วนผสมไข่มุกบราวน์ชูการ์
●แป้งมัน 1/2 ถ้วย
●น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
●น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
●ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
●น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมตอนท้าย)

วิธีทำไข่มุก

–          ตั้งหม้อ ใส่ น้ำเปล่า ลงไป ตามด้วย น้ำตาลทรายแดง ผงโกโก้ คนให้ละลายเข้ากันดี แล้วต้มให้เดือด

–          พอเดือดดีแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วเทผสมกับแป้งมัน คลุกเคล้าและนวดให้เข้ากันดี ให้แป้งจับตัว เนื้อเนียน เป็นก้อนเดียวกัน (ถ้าแป้งเหลว ให้เติมแป้งมันลงไป) จากนั้น ผสมเข้ากันดีแล้ว ให้เอาพลาสติกแรป หรือ จาน ปิดชามผสม พักแป้งไว้ให้เย็นตัวลง จากนั้น แบ่งแป้งออกมาขนาดเท่า ๆ กัน แล้วโรลแป้งให้เป็นแท่งยาว

–          ตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ แล้วปั้นแป้งให้เป็น ไข่มุก ก้อนกลมเล็ก ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน

–          ตั้งหม้อ ต้มน้ำให้เดือด เทไข่มุกลงไป คอยคนอย่าให้ติดไข่มุกก้นหม้อ เป็นเวลา 15 นาที

–          พอครบเวลา ให้ปิดไฟ แล้วอบไข่มุกในหม้อต่ออีก 10 นาที เสร็จแล้ว ตักขึ้นใส่ชาม ผสมกับน้ำตาลทรายแดงอีก 2 ช้อนโต๊ะ จนน้ำตาลละลายดี เป็นอันเสร็จ

โรคที่เกิดจากการกินชานมไข่มุกมากเกินไป

●โรคอ้วน : การบริโภคชานมไข่มุกอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมหนึ่งที่จะก่อให้เกิดโรคอ้วน คือการมีสภาวะน้ำหนักเกิน การอ้วนลงพุง แขน และขามีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้โรคอ้วนอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจหลอดเลือด และโรคไขข้อเสื่อม เป็นต้น

●โรคเบาหวาน : องค์การอนามัยโลกได้กำหนดการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา ชานมไข่มุกมีส่วนผสมหลักคือ น้ำตาล และแป้ง ในหนึ่งแก้วจะมีน้ำตาล และคาร์โบไฮเดตจากไข่มุก ที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลอีก ทำให้การบริโภคชานมไข่มุกวันล่ะหนึ่งแก้ว มีสิทธิที่จะได้รับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา และถ้าบริโภคเป็นประจำ จะทำให้ผู้บริโภคนั้นมีสภาวะน้ำหนักเกิน และเป็นโรคเบาหวานได้

●โรคหลอดเลือด และหัวใจ : ในส่วนประกอบของชานมไข่มุก เต็มไปด้วยน้ำตาล และไขมันชนิดเลว (LDL) ซึ่งจะเพิ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ ถ้ารับประทานมากกเกินไป ทำให้ร่างกายกำจัดไตรกลีเซอร์ไรต์ได้ไม่หมด ส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือด และหัวใจได้

กินชานมไข่มุกอย่างไรให้ห่างไกลโรค

ลดระดับความหวานให้ต่ำที่สุด ชานมไข่มุกรสชาติหวานปกติมักจะมีปริมาณน้ำตาลเยอะอยู่แล้ว ทำให้การบริโภคน้ำตาลในแต่ล่ะวันเกินกว่า 6 ช้อนชาได้ ดังนั้นควรลดระดับน้ำตาลที่ละขั้น จนถึงขั้นไม่หวานเลย จะยิ่งดี

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำความรู้จักกับ ไข่มุก แสนอร่อย” ที่พวกเราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านกันในบทความข้างนี้ คิดว่าน่าจะเป็นความรู้ที่ดีกันนะครับ